จำหน่าย เหล็ก กัลวาไนซ์

เหล็กรางน้ำ | เหล็กฉาก | เหล็กตัวซี | แป๊ปแบน | แป๊ปเหลี่ยม | เหล็กไอบีม

เหล็กกัลวาไนซ์ เหล็ก กัลวาไนซ์                                             hdg 4

เหล็กรางน้ำ ชุบกัลวาไนซ์ (HDG)

ขนาด (mm.)

ความหนาของแต่ละด้าน (mm.)

น้ำหนัก (kg.)

t1

T2

1M

6M

50×25 5 6 3.8 23
75×40 5 7 6.9 41
100×50 5 7.5 9.4 56
125×65 6 8 13.4 80
150×75 6.5 10 18.6 112
150×75 9 12.5 24 144
180×75 7 10.5 21.4 128
200×80 7.5 11 24.6 148
200×90 8 13.5 30.3 182
250×90 9 13 34.6 208
250×90 11 14.5 40.2 241
300×90 9 13 38.1 229
300×90 10 15.5 43.8 263
300×90 12 16 48.6 292
380×100 10.5 16 54.4 327
380×100 13 16.5 62 372
380×100 13 20 67.3 404

เหล็กตัวซี ชุบกลัวาไนซ์ (HDG)

ขนาด (mm.)

น้ำหนัก (kg)

1.6 mm. 1.8 mm. 2 mm. 2.3 mm. 2.5 mm. 2.8 mm. 3.0 mm. 3.2 mm. 3.5 mm. 3.8 mm. 4.0 mm. 4.3 mm. 4.5 mm. 5.0 mm. 6.0 mm.
50x30x10 8.95 10.10 11 12.6
60x30x10 9.7 10.9 11.9 13.7
75x45x15 13.9 15.4 16.9 19.5 21 22.8 24.5 26
100x50x20 17.3 19.1 21.2 24.4 26 28.8 30.7 32.8 35.8 37.8 39.8 42.8 44.8 47.4 54.6
125x50x20 19.2 21.3 23.6 27.2 29 32 34.3 36.5 39.8 42.3 44.4 47.3 49.5 53.3 61.7
125x65x20 21.5 23.9 26.5 30.4 32.6 36 38.5 41.1 44.8 47.7 50.2 53.4 55.9 60.5 70.3
150x50x20 21 23.4 26 29.9 32 35.3 37.8 40.3 43.8 46.8 49.3 52.6 55.0 59.2 69.0
150x65x20 24.1 26.8 29.8 34.2 36.7 39.3 42 44.9 48.8 52.2 55.0 58.7 61.4 663 77.3
150x75x20 24.9 27.6 30.7 35.3 37.9 41.9 44.9 47.9 52 55.8 58.8 62.8 65.7 71.1 83.0
200x50x20 24.9 27.6 30.7 35.3 37.9 41.9 44.9 47.9 52 55.8 58.8 62.8 65.7 71.1 83.0
200x75x20 28.7 31.9 35.5 40.8 43.8 48.6 52 55.5 60.4 64.8 68.2 73.0 76.4 82.9 97.2
200x75x25 29.1 32.6 36.1 41.2 44.6 49.7 53 56.3 61.2 66 69.2 73.9 77 84.6 99.3

เหล็กฉาก ชุบกัลวาไนซ์ (HDG)

ขนาด

ความหนา

น้ำหนัก

Mm.

Mm.

Kg/M

Kg/6M.

25×25

3 1.12 6.72
5 1.77 10.62

30×30

3 1.36 8.16
5 2.18 13.08

40×40

3 1.83 10.98
4 2.42 14.52
5 2.95 17.7
6 3.52 21.12

50×50

4 3.06 18.36
5 3.77 22.62
6 4.43 26.58

65×65

5 5.0 30
6 5.91 35.46
8 7.66 45.96

75×75

6 6.85 41.1
9 9.96 59.76
12 13.0 78

90×90

7 9.59 57.54
10 13.3 79.8

100×100

7 10.7 64.2
10 14.9 89.4
12 17.8 106.8

120×120

8 14.7 88.2

130×130

9 17.9 107.4
12 23.4 140.4
15 28.8 172.8

150×150

12 27.3 163.8
15 33.3 201.6
19 41.9 251.4

175×175

12 31.8 190.8
15 39.4 236.4

200×200

15 45.3 271.8
20 59.7 358.2
25 73.6 441.6

250×250

25 93.7 562.2
35 128 768

เหล็ก กัลวาไนซ์

การใช้งาน เหล็ก กัลวาไนซ์ (Galvanized steel) มีประโยชน์มากมาย เช่น:

  1. การป้องกันการกัดกร่อนและสึกหรอ: ชั้นสังกะสีอัลลอยบนพื้นผิวของเหล็กช่วยป้องกันการสึกหรอและการกัดกร่อนจากความชื้นและสารเคมีในสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น น้ำฝน อากาศเค็ม หรือสารเคมีในดิน
  2. อายุการใช้งานยาวนาน: เหล็กกัลวาไนซ์มักมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าเหล็กที่ไม่ได้รับการชุบสังกะสี เนื่องจากการป้องกันการสึกหรอและการกัดกร่อน
  3. ความแข็งแรง: การชุบสังกะสีช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเหล็ก ทำให้มันทนทานต่อการกระแทกและการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความแข็งแรง
  4. การดูดซับความชื้นต่ำ: เหล็กกัลวาไนซ์มีการดูดซับความชื้นต่ำกว่าเหล็กที่ไม่ได้รับการชุบสังกะสี ทำให้มันเหมาะสมสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง
  5. ความสวยงาม: เหล็กกัลวาไนซ์มีลักษณะที่สวยงามและเป็นสีเงินสวยงาม ทำให้มันเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความสวยงาม เช่น การใช้ในโครงสร้างสำหรับการตกแต่ง
  6. ราคาที่เหมาะสม: ถึงแม้ว่าเหล็กกัลวาไนซ์จะมีราคาที่สูงกว่าเหล็กที่ไม่ได้รับการชุบสังกะสี แต่มันมีความคุ้มค่าในระยะยาวเนื่องจากมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและมีคุณภาพที่ดีกว่า

การใช้งานเหล็กกัลวาไนซ์มีประโยชน์ในหลายๆ แง่มุมและสามารถนำมาใช้ในหลากหลายงาน เช่น การสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมการก่อสร้าง การผลิตโครงสร้างเหล็ก และอื่นๆ อีกมากมาย

Hot Dip Galvanize (HDG)

Hot dip Galvanize หรือชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อน เป็นกระบวนการการเคลือบโลหะที่ใช้ในการป้องกันการกัดกร่อนและการสึกหรอของโลหะโดยการทำให้พื้นผิวของโลหะเป็นชั้นสังกะสีอัลลอยขึ้นไป เทคนิคนี้มักถูกใช้กับเหล็กและเหล็กกล้าเพื่อป้องกันการสึกหรอและการกัดกร่อนที่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ชุ่มชื้นหรือเกิดสารเคมีที่สามารถทำให้โลหะเสื่อมสึกหรอได้ การชุบสังกะสีร้อนมักจะให้ผลการป้องกันที่ดีกว่าการใช้เทคนิคอื่นๆ เนื่องจากชั้นสังกะสีจะเป็นชั้นหนาและทนทานมากขึ้น เป็นกระบวนการที่ได้รับการนำเสนอมานานและได้รับการนิยมในอุตสาหกรรมการก่อสร้างและผลิตผลิตภัณฑ์โลหะในหลายประเทศทั่วโลก.

มาตรฐานเหล็ก

มาตรฐานเหล็กมักจะแตกต่างกันไปตามประเทศและพื้นที่ที่ใช้ แต่มักจะมีสิ่งที่เรียกว่า “มาตรฐานสากล” ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ถูกยอมรับและใช้ทั่วไปในการผลิตและใช้งานเหล็กต่าง ๆ ต่อไปนี้เป็นบางที่สำคัญ:

  1. ASTM (American Society for Testing and Materials): ASTM เป็นองค์กรมาตรฐานสากลที่กำหนดมาตรฐานสำหรับวัสดุต่าง ๆ รวมถึงเหล็ก มันมีผลต่อการคุณภาพและความปลอดภัยของวัสดุเหล่านั้น
  2. EN (European Norms): EN เป็นมาตรฐานที่ใช้ในยุโรป มันถูกใช้ในการกำหนดข้อกำหนดทางเทคนิคสำหรับวัสดุและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงเหล็ก
  3. JIS (Japanese Industrial Standards): JIS เป็นมาตรฐานที่ใช้ในญี่ปุ่น มันกำหนดเงื่อนไขสำหรับการผลิต การทดสอบ และการใช้งานของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมทั้งเหล็ก
  4. ISO (International Organization for Standardization): ISO มีหลายมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับเหล็ก ซึ่งมาตรฐานเหล็กจะเน้นไปที่คุณภาพของวัสดุและกระบวนการผลิต
  5. BS (British Standards): BS เป็นมาตรฐานที่ใช้ในสหราชอาณาจักร มันกำหนดข้อกำหนดทางเทคนิคสำหรับวัสดุและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงเหล็ก

มาตรฐานเหล็กที่สำคัญจะกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น ความทนทานต่อการกัดกร่อน และอื่น ๆ ซึ่งมีผลต่อการใช้งานของวัสดุในแต่ละสถานการณ์โดยตรง